Cover Story
ขายตรงพกบัตรมาตรฐานวิชาชีพ
ถือเป็นความพยายามที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยกย่องจากคนในวงการธุรกิจเครือข่ายขายตรงเป็นจำนวนมาก สำหรับการดำเนินโครงการ ‘อบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย หรือ TSDA (Thai Direct Selling Development Association) ภายใต้การนำของ‘ขงเบ้งขายตรง’เมืองไทย ‘ดร.สมชาย หัชลีฬหา’ นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ที่ได้วางนโยบายไว้ชัดเจน ในการยกระดับอุตสาหกรรมขายตรงไทย และส่งเสริมให้นักขายตรงไทยมีมาตรฐานวิชาชีพขายตรง อันจะนำไปสู่การทำธุรกิจขายตรงอย่างมีคุณค่าและได้รับการยอมรับจากประชาชนเทียบเท่าวิชาชีพอื่นๆ
โดยการ ‘อบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทยได้จัดอบรมมาแล้วรวม 5 ครั้ง มีนักขายตรงไทยที่ผ่านการอบรมหรือติดบัตร‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ไปแล้วมากกว่า 6,000 คน และล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา สมาคมพัฒนาการขายตรงไทยก็ได้จัด ‘อบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง ครั้งที่ 6’ ขึ้นมาอีกครั้ง ณ โรงแรมรามาการ์เด้น ย่านถนนวิภาวดี-รังสิต โดยครั้งนี้มีนักขายตรงไทยจากบริษัทขายตรงสมาชิกของสมาคมฯเข้าร่วมรับการอบรมกว่า 1,000 คน
ดร.สมชาย หัชลีฬหา นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย กล่าวว่า การจัดอบรม ‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ ถือเป็นนโยบายหลักและเป็นความตั้งใจของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทยที่ต้องการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับอุตสาหกรรมขายตรงไทยสู่การยอมรับจากประชาชน ซึ่งการจัดอบรมแต่ละครั้ง จะมีนักขายตรงเข้าร่วมอบรมกว่า 1,000 คน และทุกคนจะต้องผ่านการคัดเลือกจากบริษัทขายตรงสังกัดสมาคมฯ โดยจะต้องเป็นผู้นำหรือนักธุรกิจที่ทำธุรกิจขายตรงอย่างจริงจังเท่านั้น ไม่ใช่สมาชิกคนใดคนหนึ่ง หรือใครก็ได้ และที่ผ่านมาสมาคมฯก็ได้อบรมนักขายตรง พร้อมติดบัตร ‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ไปแล้วกว่า 6,000 คน และจำนวน 6,000 คนนี้ ยังจะมีรายชื่อเก็บรวบรวมไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ด้วย
สมาคมพัฒนาการขายตรงไทย เราพยายามคิดอยู่เสมอว่า จะทำอย่างไรให้นักขายตรงไทย หรือผู้จำหน่ายอิสระสามารถยืนหยัดได้ในอาชีพ หรือยกระดับสู่ความเป็นมืออาชีพได้ และนักขายตรงที่มีความเป็นมืออาชีพได้นั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่มีจรรยาบรรณ มีองค์ความรู้ ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง สร้างคุณค่าในอาชีพ รวมถึงต้องมีองค์ความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างของขายตรงทั้งหมด ถ้าต้องการสำเร็จในอาชีพนี้ นักขายตรงควรต้องทำอย่างไร
ณ วันนี้ สมาคมพัฒนาการขายตรงไทยได้พัฒนาหลักสูตร เพื่อตอบสนองความต้องการของนักขายตรงไทย หรือผู้จำหน่ายอิสระ และเป็นหลักสูตรที่สมาคมฯเชื่อมั่นว่า จะนำพาไปสู่การยกระดับ ‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรงไทย’ได้ในอนาคต และหากวันข้างหน้ามีหน่วยงานอื่นใดที่ให้ความสำคัญ หรือเล็งเห็นประโยชน์ ก็ถือเป็นการดีที่จะได้ช่วยกันพัฒนา และยกระดับอุตสาหกรรมขายตรงไทยสู่การยอมรับ
อย่างสถาบันการศึกษา ณ วันนี้ ก็เริ่มให้ความสนใจในเรื่องของวิชาชีพขายตรงบ้างแล้ว บางมหาวิทยาลัยเริ่มที่จะเปิดหลักสูตรขายตรงในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ถ้าสถาบันการศึกษายอมรับว่า ‘ขายตรง คือ อาชีพที่ดีอาชีพหนึ่ง’ แล้วมีการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนขึ้นมา ก็เชื่อว่า อาชีพขายตรงจะได้รับการยอมรับกว้างขวางยิ่งขึ้น
ในส่วนของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทยกับการยกระดับอุตสาหกรรมขายตรงไทย ก็พยายามที่จะสร้างบรรทัดฐานในเรื่องกฎจรรยาบรรณของธุรกิจขายตรง หากสมาคมฯไม่ลุกขึ้นมาทำแล้ว ก็ยิ่งทำให้นักขายตรงยิ่งทำผิดกฎหมาย เหตุเพราะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ก็จะส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรม ฉะนั้น ‘การอบรมมาตรฐานวิชาชีพ’สมาคมฯจึงเน้นย้ำเรื่องของจรรยาบรรณเป็นสำคัญ เพื่อการปลูกฝังจิตสำนึก และตอกย้ำให้นักขายตรงอยู่ในกรอบการทำธุรกิจขายตรงที่ถูกต้อง
การจัดอบรมที่ผ่านมา รวมถึงครั้งนี้ รวม 6 รุ่นแล้ว สมาคมฯยังไม่เคยถูกร้องเรียนว่า นักขายตรงที่เข้ารับการอบรมหรือถือบัตร‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ได้ทำผิดกฎจรรยาบรรณ ด้วยเพราะสมาคมฯกำหนดไว้หนึ่งว่า หากนักขายตรงหรือนักธุรกิจเข้าพบลูกค้า จะต้องแสดงบัตรประจำตัวที่ทางสมาคมฯออกให้ทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนที่แท้จริงด้วย”
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่คนในวงการธุรกิจเครือข่ายขายตรงเท่านั้น ที่ได้ยกย่องและให้การยอมรับกับโครงการ ‘อบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ ของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ด้านหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งกำกับดูแลการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง อย่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เอง ก็ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าของการ‘อบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง’เหมือนกัน เหตุเพราะ การอบรมมาตรฐานวิชาชีพตรงกับนโยบายของสคบ.ที่ต้องการกำหนดจรรยาบรรณกลางขึ้นมา เพื่อให้คนขายตรงได้ยึดถือปฏิบัติ สอดรับกับคำพูดของ ‘ร้อยตรีไพโรจน์ คะนึงทรัพย์’ รองเลขาธิการสคบ. ที่ได้กล่าวในงานอบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง ครั้งที่ 6 ว่า สคบ.ต้องการที่จะกำหนดจรรยาบรรณและธรรมาภิบาลในอุตสาหกรรมขายตรงขึ้นมา หากคนในอุตสาหกรรมนี้ยึดหลักธรรมาภิบาลกันทั้งหมด ก็เชื่อว่า บรรดาแชร์ลูกโซ่ก็จะไม่เกิด
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสข้างหน้า สคบ.ในฐานะคนกลาง ก็คงจะต้องนำข้อมูล หรือโครงการ ‘อบรมมาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ของสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ดีไปหารือกับบรรดาสมาคมขายตรงต่างๆว่า จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการกำหนดจรรยาบรรณกลางขึ้นมา หรือมีอะไรที่จะทำร่วมกัน หรือนำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรงได้บ้าง ซึ่งหากทุกฝ่ายรวมตัวกัน เชื่อว่า อุตสาหกรรมขายตรงไทยจะได้รับการยอมรับจากประชาชน
“การกำหนดจรรยาบรรณหรือแม้แต่การปรับปรุงร่างกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง สคบ.ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อคนไทย เพื่อคนขายตรง หากเราสามารถช่วยกันยกระดับมาตรฐานขายตรงให้สูงขึ้นได้ ความขาวสะอาดก็จะเกิดขึ้น คนก็จะหลั่งไหลเข้ามาสู่ธุรกิจ ส่งผลให้บริษัท และนักธุรกิจอิสระ หรือนักขายตรงมีรายได้มากขึ้น อนาคตอุตสาหกรรมขายตรงไทยก็จะดีขึ้น และได้รับการยอมรับมากขึ้น ด้วยความภาคภูมิใจในอาชีพขายตรง”
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังที่จะทำให้อุตสาหกรรมขายตรงไทยได้รับการยอมรับจากประชาชนในวันข้างหน้า อาจยังต้องใช้เวลาอีกมาก แต่กับการพัฒนานักขายตรงไทยสู่ความเป็นมืออาชีพ ทำธุรกิจถูกต้อง สร้างคุณค่าอาชีพ อย่างมีจรรยาบรรณแล้ว ก็ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่า สมาคมพัฒนาการขายตรงไทยเป็นอีกหนึ่งสมาคมขายตรงไทยที่ดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว และเชื่อว่า ในอนาคตข้างหน้านักขายตรงไทยจะมีการพัฒนาและพกบัตร‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรง’กันถ้วนหน้า
แล้วคุณล่ะ...มีบัตร ‘มาตรฐานวิชาชีพขายตรง’ แล้วหรือยัง?
……………………………………………………………………………