Nh-news : 80 ปี ไทยประกันชีวิต

80 ปี “ไทยประกันชีวิต” ที่อยู่เคียงข้างคนไทย กับก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯพร้อมมุ่งสู่การเป็น Life Solutions Provider สร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน

            บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (ไทยประกันชีวิต (Thai Life Insurance; TLI) หรือ บริษัทฯ) บริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทยที่มุ่งมั่นดูแลชีวิตคนไทยมาอย่างยาวนาน และในปี 2565 ซึ่งเป็นวาระที่ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจครบ 80 ปี บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าสู่อีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ กับมิติใหม่ของการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่ง เทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมการให้บริการด้วยหัวใจ ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมรอบคอบ สู่การดำเนินงานที่แข็งแกร่งเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง เพื่อพร้อมดูแลเคียงข้างคนไทยและสังคมไทยอย่างยั่งยืน

            นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์ของไทยประกันชีวิตมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนนั้น แผนการดำเนินงาน (Roadmap) ในช่วงแรกจะเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่มั่นคง (Transforming Tomorrow) ไทยประกันชีวิตจึงได้ปรับกระบวนทัศน์ในการดำเนินธุรกิจทุกด้าน โดยกำหนด Business Purpose เป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล หรือ Life Solutions Provider

            ส่วนช่วงที่สอง คือ การก้าวสู่อนาคตที่เข้มแข็งและยั่งยืน (Sustainable Tomorrow) เพื่อพร้อมรับมือกับ  Business Landscape ของธุรกิจประกันชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่กำหนด ไทยประกันชีวิตจึงดำเนินกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ได้แก่

1.      การขับเคลื่อนองค์กรสู่ Data Driven Company – ไทยประกันชีวิตปรับเปลี่ยนโครงสร้าง

องค์กรเพื่อเปลี่ยนสู่การเป็น Life Solutions Provider อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานแบบครบวงจร (End-to-end) จากความได้เปรียบที่บริษัทฯ มี Big Data จากฐานลูกค้าโดยอ้างอิงจากจำนวนกรมธรรม์ที่มีผลบังคับใช้กว่า 4,500,000 กรมธรรม์ นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle)

            พร้อมกันนี้ ไทยประกันชีวิตมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ผ่านการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานแบบครบวงจรด้วยระบบดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับการดำเนินงานของบริษัทฯ

2.      การเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – ไทยประกัน

ชีวิตมีกลยุทธ์ในการรักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยการพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนประกันชีวิตที่แข็งแกร่งกว่า 66,000 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนตัวแทนประกันชีวิตทั้งหมดในประเทศไทย[1] และเป็นบริษัทประกันชีวิตสัญชาติไทยเพียงแห่งเดียวที่ประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายตัวแทนที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

            ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย (1) ธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย และธนาคารทิสโก้ ที่มีเครือข่ายสาขารวมกันมากกว่า 740 แห่งทั่วประเทศ[2] (2) ธนาคารและองค์กรของรัฐที่มีเครือข่ายสาขารวมกันมากกว่า 2,900 แห่ง2 (3) บริษัทลีสซิ่งและเช่าซื้อจำนวน 8 แห่ง และบริษัทสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคอีกจำนวน 2 แห่งที่มีสาขาและจุดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 300 แห่ง2 ซึ่งทำให้ไทยประกันชีวิตมีความยืดหยุ่นทางธุรกิจในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางของพันธมิตรที่หลากหลาย และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

            นอกจากนี้ยังมีการขายผลิตภัณฑ์ผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) และขยายสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) โดยเริ่มขายผลิตภัณฑ์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ ตั้งแต่ปลายปี 2564 และภายในปี 2565 - 2566 ไทยประกันชีวิตจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เอาประกันแต่ละราย ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศเมียนมา ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ เข้าสู่ตลาดประเทศเมียนมาผ่านการลงทุน ใน CB Life Insurance โดยสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของ CB Life Insurance

3.      การยกระดับประสบการณ์ของผู้เอาประกัน –ไทยประกันชีวิตมุ่งพัฒนาบริการที่มากกว่า

การประกันชีวิต ใช้เทคโนโลยีเสริมสร้างความโดดเด่นในการให้บริการ โดยเป็นบริษัทประกันชีวิตเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางการแพทย์ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การเพิ่มความสะดวกให้กับผู้เอาประกันในการเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ ตรวจสอบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ ชำระค่าเบี้ยประกันภัย และค้นหาชื่อคลินิกและโรงพยาบาลคู่สัญญา ตลอดจนฟังก์ชันอื่น ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาสู่การเป็น Interest-based Platform หรือแพลตฟอร์มการรวมกลุ่มของคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน และการมอบสิทธิพิเศษด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การพักผ่อน การเดินทาง และบริการต่าง ๆ แก่ผู้เอาประกันผ่าน “ไทยประกันชีวิต Privilege” นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอการให้บริการที่ยกระดับประสบการณ์ของผู้เอาประกันอย่างต่อเนื่อง

            สำหรับความแข็งแกร่งทางการเงิน เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานรอบระยะเวลา 9 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ไทยประกันชีวิตมีรายได้รวม 75,594.67 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 1.3 และมีกำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8,198.70 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 16.7  โดยมีจำนวนกรมธรรม์ที่มีผลบังคับใช้มากกว่า 4,500,000 กรมธรรม์

            ทางด้านผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2554 - 2563 อยู่ที่ร้อยละ 4.3 ต่อปี ด้วยกลยุทธ์การจัดการที่สามารถบรรลุผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว โดยไทยประกันชีวิตสามารถรักษาประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจแม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากมีการเตรียมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงยังมีสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio: CAR) อยู่ที่ร้อยละ 343.0 ซึ่งสูงกว่าอัตราที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. จะเข้ามาดูแลคือร้อยละ 120[3] รวมไปถึงยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- (ระดับสากล) และ AAA (tha) (ระดับภายในประเทศ) โดยสถาบัน Fitch Ratings[4] ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงิน


Visitors: 1,859,435